ถ้าพูดถึงละครโทรทัศน์ในปี 1996 chances are คุณจะนึกถึง “Friends” หรือ “ER” ซึ่งเป็นซีรีส์ที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก ในขณะเดียวกัน “Relativity,” ซีรีส์แนววิทยาศาสตร์และดราม่าโรแมนติกก็กำลังบุกเบิกเส้นทางใหม่ของการเล่าเรื่อง
“Relativity” เป็นผลงานของ แอนดรูว์ มาร์เกียร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยฝากผลงานให้กับ “Twin Peaks” และ “St. Elsewhere,” ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุค 90 ซีรีส์เรื่องนี้ได้ดาราชื่อดังมาร่วมแสดงมากมาย
- ทิม เมโทก (Tim Matheson) ในบทของ อีริค โอเว่น
- จูลี่ มิลเลอร์ (Julie Miller) ในบทของ มิสซี่ โอเว่น
- แชนนอน Doherty (Shannon Doherty)
- David Conrad
“Relativity” เล่าเรื่องราวความรักของ อีริค โอเว่น นักวิทยาศาสตร์หนุ่มที่ได้พบกับ มิสซี่ โอเว่น หญิงสาวจากปี ค.ศ. 1940 ผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ผิดพลาด
ความรักข้ามกาลเวลา:
ความสัมพันธ์ของ อีริค และ มิสซี่ กลายเป็นแกนหลักของซีรีส์ “Relativity” และนำไปสู่การสำรวจหลาย ๆ ด้าน
- ความแตกต่างทางวัฒนธรรม: มิสซี่ โอเว่น จากปี ค.ศ. 1940 มาพบเจอกับโลกสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและแนวคิดที่แตกต่างจากยุคสมัยของเธออย่างสิ้นเชิง
- การปรับตัว: มิสซี่ ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในโลกปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่การแต่งตัว การสื่อสาร ไปจนถึงการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงในยุค 90
วิทยาศาสตร์ที่เหนือจินตนาการ:
“Relativity” ไม่เพียงแค่เป็นเรื่องราวรักข้ามกาลเวลาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ เช่น การเดินทางข้ามเวลาวิธีการสื่อสารระหว่างคนในยุคสมัยต่างๆ และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
|
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
การผสมผสานระหว่างดราม่าโรแมนติกและแนววิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัว | ซีรีส์มีจำนวนตอนไม่มาก (เพียงแค่ 17 ตอน) |
การแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงนำ | บางครั้งเนื้อเรื่องอาจดูซับซ้อนไปสำหรับผู้ชมทั่วไป |
“Relativity” : ซีรีส์แห่งความคิดสร้างสรรค์:
แม้ว่า “Relativity” จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเหมือนกับซีรีส์อื่น ๆ ในยุคนั้น แต่ก็เป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความคิดริเริ่มและความกล้าหาญในการนำเสนอเรื่องราวใหม่ๆ
“Relativity” ยังคงเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบแนววิทยาศาสตร์และดราม่าโรแมนติก